Meet the Artist
พิรุณ ศันสนยุทธ
ปุ้น เรียนโฮมสคูลมาตั้งแต่ ป.1 ถึง ม.3 ปัจจุบันหยุดเรียนเพื่อค้นหาตัวเองผ่านการทำงานศิลปะหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นดนตรี งานเขียน วาดรูป และงานฝีมืออื่นๆ เช่น เย็บผ้า ปุ้นพบว่างานสร้างสรรค์ไม่เพียงทำให้ชีวิตหนีออกจากความเบื่อหน่าย แต่ยังช่วยให้ได้พบสิ่งใหม่ๆ ผ่านการสร้างงาน แลกเปลี่ยนและเรียนรู้จากการเสพงานผู้อื่น
แสดงความคิดเห็นต่อผลงาน
บทสัมภาษณ์พิรุณ ศันสนยุทธ (ปุ้น)
29 กรกฎาคม 2564
ไอเดียมาจากไหน ?
ผมอาจจะเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง เวลาเราใช้ชีวิตก็จะมองสิ่งรอบๆ ตัวไปเรื่อยๆ พอถึงจุดหนึ่ง เราก็ตกผลึกสิ่งนั้นมาได้กลายเป็นมุมมองของเราต่อสิ่งนั้น ๆ หลังจากนั้นเราก็ต้องการจะสื่อสิ่งเหล่านั้นมาให้ผู้คนรู้ว่าเรามองมุมนี้นะ ไม่ว่าจะผ่านการเขียน พูด หรือ ทำงานอย่างอื่น
ส่วนของงานแอปเปิ้ลก็เหมือนกัน เรารู้แหละว่าเราคิดยังไงกับโลกนี้ เรารู้สึก แต่ยังตกผลึกไม่ได้ พอวันหนึ่งเราตึกผลึกได้แล้วและรู้ว่าจะถ่ายทอดผ่านผลงานยังไง เราก็เลยทำออกมาเป็นสิ่งนี้
เราอยากจะสื่ออะไรผ่านผลงาน ?
มุมมองของผมที่มองโลกนี้ เป็นแนวคิดที่ว่าเหมือนเวลาที่เดินไปไหนมาไหนก็เห็นขยะ ก็รู้สึกกับสิ่งพวกนี้ ก็ไม่รู้จะทำยังไง สุดท้ายตระหนักได้ว่าเราเองคงห้ามอะไรไม่ได้ เก็บขยะทั้งหมดไม่ได้ ห้ามสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เยอะขนาดนั้น สิ่งที่ทำได้ก็คือแค่รู้ว่าเราทำอะไรอยู่ ดูที่ตัวเราว่าเราทำได้มากที่สุดเท่าไหน ก็เท่าที่เราทำได้ สุดท้ายแล้ว ตามคอนเซ็ปต์งาน โลกมันก็จะดับไปไม่วันไหนก็วันหนึ่งไม่ว่าจะด้วยมนุษย์หรือด้วยอะไรก็ตาม เพราะฉะนั้นตอนที่มีชีวิตอยู่ เราก็จะเลือกว่าจะใช้ชีวิตกับโลกนี้ยังไง
ผมอยากนำเสนอให้คนเห็นในมุมมองที่เราเห็น คือ สิ่งที่ผมทำได้
กระบวนการทำงาน เจอปัญหาอะไรบ้าง ?
ทุกอย่างเริ่มจากในหัว เริ่มคิดว่าถ้าเราทำสิ่งนี้แล้วมันจะเป็นยังไงต่อไป ถ้าเราปล่อยแอปเปิ้ลไว้ ผมพยายามทำงานทุกชิ้นด้วยการที่ปล่อยมันไปตามธรรมชาติ ผมรู้สึกว่าไม่ได้ต้องการทำงานให้สมบูรณ์แบบขนาดนั้น ไม่ได้ตั้งใจให้มันผิดพลาด แต่ปล่อยให้มันผิดพลาดบ้าง สมมติว่าวันหนึ่งแอปเปิ้ลมันหายไป ผมก็จะไม่ทำอะไร ผมคิดว่าผมปล่อยมันไว้อย่างนั้นแล้วมันก็หายไปตามธรรมชาติของมัน ก็เลยไม่ได้มองว่ามันมีอุปสรรคอะไร เพราะมันเป็นกระบวนการของมันอยู่แล้ว สำหรับงานชิ้นนี้แค่ได้เห็นผลระยะนึงก็เพียงพอสำหรับมันแล้ว
เราไม่ได้มีแผนการทำงานที่ตายตัวขนาดนั้น เหมือนเราเรียนรู้ไปกับงาน หรือให้งานเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงของมันเอง เราไม่ได้ไปควบคุมมันมาก?
ใช่ เหมือนเราออกแบบให้งานมันเป็นแบบนี้ ผมคิดแค่กระบวนการเริ่มต้น เราจะวาดแอปเปิ้ลแค่เนี้ย แล้วก็ปล่อยว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อ
ในสภาพสังคมปัจจุบัน มีเรื่องการระคอย เวลา การสลายของบางสิ่งมีอะไรอยากจะพูดเพื่อสะท้อนสังคมปัจจุบันไหม ?
ผมคิดว่าเรื่องเกิดและดับเป็นสิ่งปกติอยู่แล้ว ใครจะมองยังไงต่อในประเด็นนี้ก็ได้ ผมต้องการสื่อแค่นี้
ได้เรียนรู้อะไรการจากการทำงานนี้ ?
เรื่องการรอครับ ตอนที่ทำงานเราก็คิดว่าคนที่ทำงานและคนที่ดูงานก็จะอยู่ในกระบวนการรอและเห็นมันเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน เราก็ได้ประสบการณ์”รอ”จริงๆ ด้วย และได้เห็นมันเปลี่ยนแปลง
นอกจากนี้ก็เรื่องวินัย เพราะเราต้องถ่ายมันทุกวัน เรารอดูว่ามันจะเป็นยังไงต่อ ไม่ได้คาดหวังมากจะต้องเป็นยังไง
มองว่าปัญหาโลกร้อนในประเทศไทย ในอนาคตมันจะเป็นไปในทิศทางไหน ?
คิดว่าในอนาคตคนคงเห็นเรื่องนี้มากขึ้น ความแตกต่างมันเป็นเรื่องปกติของมนุษย์อยู่แล้ว แต่พอถึงจุดนึงที่ความแตกต่างมันกระทบต่อชีวิตของเขา พอเรามีความเห็นอย่างไรเราก็จะใช้ชีวิตอย่างนั้น แต่เวลาความเห็นมันเปลี่ยนไป แล้วมันกระทบต่อการใช้ชีวิตเรา ตรงนั้นจะไม่ใช่การใช้ชีวิตของเราแล้ว มันคือการอยู่รอดแล้ว เป็นจุดที่ทุกคนต้องสนใจแล้ว ตอนที่มันไม่ได้กระทบต่อการมีชีวิตอยู่อะ ใครจะพูดอะไรก็พูดไป เราก็ไม่ได้สนใจ ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ตอนที่ผมไปศึกษาเรื่องกระดาษก็เพิ่งรู้ว่ามันก็ไม่ได้ย่อยสลายได้ร้อยเปอร์เซ็น คิดว่าพอเป็นกระดาษมันก็รักษ์โลกอะไรอย่างงี้
มีแนวคิดในการสร้างงานสร้างสรรค์อย่างไร ?
ผมคิดว่าเวลาเราใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ เจอสถานการณ์เดิมๆ คนเดิมๆ กินอาหารเดิมๆ มันก็เลยเริ่มรู้สึกว่าชีวิตนี้น่าเบื่อ คิดว่าสิ่งที่จะทำไม่น่าเบื่อได้คือ สิ่งใหม่ การเจอสิ่งใหม่ หรือสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมา ผมเลยสร้างสิ่งใหม่ขึ้นมาเพื่อที่จะทำให้ชีวิตไม่น่าเบื่อ ซึ่งก็คือจุดเริ่มต้นที่ผมมาทำงานสร้างสรรค์ ก็คิดว่ามีหลายคนที่คิดเหมือนกัน หลายคนคงอยากเห็นและสร้างสิ่งใหม่ ๆ ในอนาคตผมก็อยากเห็นสิ่งใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ผมหรือคนอื่นสร้างขึ้นมา การได้เห็นมุมมองที่แตกต่างมันก็ดี
อยากบอกคนดูที่เริ่มตามงานเรา
ผมอยากให้ใช้จินตนาการกับมัน มองมันแบบไหนก็ได้ แค่มองไปเรื่อยๆ
ก่อนหน้านี้ยังไม่รู้ว่ารถยนต์ มันถูกเรียกว่า “รถยนต์” ทุกคนก็คงมีหลากชื่อให้มัน เมื่อไหร่ที่คุณบอกว่ามันคือรถยนต์ มันก็ชื่อรถยนต์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ก็คงดูน่าเบื่อไปหน่อยถ้าบอกคอนเซ็ปท์งานตั้งแต่แรกแล้วไม่ได้ปล่อยให้คนได้เห็นและจินตนาการเพราะแต่ละคนประสบการณ์ก็ไม่เหมือนกัน
อยากฝากอะไรถึงคนทั่วไปในประเด็นโลกร้อน
อยากให้ลองดูผลงานผม เป็นงานที่นำเสนอมุมมองหนึ่ง ชอบไม่ชอบไม่เป็นไร ใครมีมุมมองใหม่ ๆ อยากให้นำเสนอมันออกมา จะได้ช่วยให้คนอื่นมองเห็นมุมมองของคุณนอกจากคุณเอง
ในฐานะศิลปินที่ทำงานศิลปะหลายแขนง
ความรู้สึก มุมมอง ความสัมพันธ์ของเราต่อโลกและธรรมชาติอย่างไร ?
มองว่าธรรมชาติเป็นสิ่งที่สร้างเรามา เราก็เป็นธรรมชาติ มันก็เป็นสิ่งที่สวยงาม เวลาเราไปหาธรรมชาติ มันก็ผ่อนคลายและสงบ เราก็แค่คนตัวเล็ก ๆ ที่อยู่ในธรรมชาติ ไม่ต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่น ๆ